10 อันดับ อาหารเสริมวิตามินอี รุ่นไหนดี อัพเดทล่าสุดปี 2567

เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่อยากซื้อออนไลน์แต่ไม่อยากไปซื้อเองที่ห้าง และที่สำคัญสินค้าบางแบรนด์ที่ขาย ราคาถูกกว่าเมื่อสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ สุดคุ้ม ดีลที่ดีที่สุดมาแล้ว ช้อปเพลินๆ สินค้าลดราคา สูงสุดและคูปองลดมากมาย ดีลสุดพิเศษ
คุณภาพเจ๋ง ราคาถูกมาก เราขอแนะนำ อาหารเสริมวิตามินอี  สินค้าออนไลน์  จากร้านค้า Online ที่ถู๊กถูกและเยี่ยมที่สุดในไทย สั่ง อาหารเสริมวิตามินอี  ไป ถูกจนไม่น่าเชื่อ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาจะลดลงอีกลองเข้าไปดูที่ร้านได้ ซื้อเลย สินค้าไม่เสียหาย มีคุณภาพ ส่งทางไปรษณีย์หรือไม่ก็ทางหน่วยจัดส่ง ของพรีเมี่ยม ได้รับสินค้าแล้วดีใจมาก ตรงตามต้องการในรุป ไม่มีความเสียหายไดๆจากการขนส่ง

     
หากคุณกำลังมองหาอาหารเสริมวิตามินอีพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย เราขอแนะนำให้รู้จักกับนวัตกรรมอาหารเสริมวิตามินอีชั้นเลิศจากแบรนด์ผู้ผลิตที่คร่ำวอดอยู่ในวงการ โดยแต่ละชนิดมีทั้งแบบ อาหารเสริมวิตามินอี ซึ่งวันนี้ทางเราจึงจัดอันดับ แนะนำ อาหารเสริมวิตามินอี ที่ตอบโจทย์กับตัวคุณมาให้เลือกกันแล้วดังนี้

วิตามินอี เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินที่มีคุณสมบัติเป็น Anti-Oxidant หรือสารต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับวิตามินซี ซึ่งถือว่าเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงรักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรง ทั้งในเรื่องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการบำรุงผิวพรรณ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวิตามินอีนั้นจะสามารถหาได้ง่ายตามมื้ออาหาร โดยเฉพาะในอาหารจำพวกถั่วหรือน้ำมันที่สกัดจากพืช แต่วิตามินอีส่วนใหญ่นั้นกลับถูกขับออกมาได้ง่ายตามเหงื่อหรือปัสสาวะ ทำให้การบริโภควิตามินผ่านอาหารเพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่เพียงพอ การทานอาหารเสริมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่ให้ผลลัพธ์ดีและค่อนข้างปลอดภัย

อันดับแรกเลย เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินอีที่ถูกต้องกันก่อน เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อได้อย่างถูกต้องและตอบโจทย์กับความต้องการของตนเอง จากนั้นเราจะมาต่อด้วย “10 อันดับอาหารเสริมวิตามินอี” ซึ่งเป็นที่นิยมกันในบ้านเรามาแชร์ให้ทุกคนได้มีไอเดียมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

ก่อนอื่นเลย เรามาดูกันดีกว่าว่ามีรายละเอียดและข้อควรระวังอย่างไรบ้างที่เราต้องพิจารณาในการเลือกซื้ออาหารเสริมประเภทวิตามินอี

อาหารเสริมวิตามินอี สามารถจำแนกแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้ 2 ประเภท แบบแรกคือ สกัดจากธรรมชาติ และแบบที่สอง คือ ได้จากการสังเคราะห์ ซึ่งความแตกต่างนี้จะส่งผลต่ออัตราในการดูดซึม โดยวิตามินอีที่ได้จากธรรมชาติจะซึมเข้าสู่กระแสเลือดหลังจากทานไปแล้ว 6 ชั่วโมง และเพิ่มสูงสุดภายใน 24 ชั่วโมง ในขณะที่แบบการสังเคราะห์นั้นกว่าจะซึมเข้าสู่กระแสเลือดต้องใช้เวลานานถึง 12 ชั่วโมง ยิ่งไม่ต้องเทียบระยะเวลาที่จะเพิ่มสูงสุดเลย ดังนั้น แน่นอนเลยว่า ถ้าเป็นไปได้เราควรเลือกวิตามินที่สกัดจากธรรมชาติจะดีที่สุด
คราวนี้หลายคนคงจะสงสัยว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นสกัดมาจากอะไร คำตอบนั้นไม่ยากเลยค่ะ ให้ดูที่ฉลากว่าระบุชนิดเป็น “d” หรือ “dl” ถ้าเป็น d จะหมายถึง การสกัดมาจากธรรมชาติ แต่ถ้าเป็น dl จะหมายถึง ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมที่สกัดมาจากธรรมชาติจะราคาก็จะแพงกว่าปกติ
และสำหรับใครที่ต้องการทานอาหารเสริมวิตามินอีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เรื่องของ “ราคา” และผลลัพธ์ก็จะกลายเป็นสิ่งสำคัญ พยายามคำนึงถึงความคุ้มค่าเมื่อเทียบผลลัพธ์กับราคามากกว่าจะโฟกัสแค่แหล่งที่มาของวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว
วิตามินอีในธรรมชาตินั้นมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ โทโคฟีรอล (Tocopherol) และ โทโคไตรอีนอล (Tocotrienols) ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่ “α”, “β”, “γ”, และ “δ” และในแต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างกัน เรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันเลยค่ะ
ในบรรดาวิตามินอี โทโคฟีรอล (Tocopherol) คือ กลุ่มที่พบได้มากที่สุดและมีผลต่อการทำงานของร่างกายมากที่สุด โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท

  1. วิตามินอีสังเคราะห์

  2. วิตามินอีรวมสังเคราะห์

  3. วิตามินอีจากธรรมชาติ

  4. วิตามินอีรวมจากธรรมชาติ

ซึ่งถ้ายี่ห้อนั้น ๆ เป็นวิตามินอีจากธรรมชาติ จะระบุข้างขวดว่า “d-α-tocopherol” แต่อันที่จริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับวิตามินที่สกัดจากธรรมชาติมากเกินไป แบบสังเคราะห์ก็สามารถทานได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่อาจจะเห็นผลลัพธ์ช้ากว่าเล็กน้อยเท่านั้นเองค่ะ

โทโคไตรอีนอล (Tocotrienols) จะมีพันธะคาร์บอนที่ต่างจากกลุ่มโทโคฟีรอล (Tocopherol) โดยจะมีจำนวนพันธะคู่มากกว่า จึงอยู่ในสภาพไม่อิ่มตัว ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ในร่างกายได้ง่าย จึงทำงานได้ไวกว่า นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินอีธรรมดาถึง 60 เท่า อีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยลดคอลเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วย ดังนั้น เราอาจพูดได้ว่าการทานวิตามินอีกลุ่ม Tocotrienol อาจจะเห็นผลลัพธ์ได้ไวกว่า ในขณะที่ Tocopherol จะออกฤทธิ์ช้า ๆ อย่างต่อเนื่องได้ยาวนาน

ปริมาณของวิตามินอีที่ร่างกายต้องการใน 1 วันจะแตกต่างกันไปตามเพศและช่วงอายุของผู้ทาน ถ้าเป็นวัยผู้ใหญ่ เพศชายจะต้องการ 7.5 มก. หรือสูงสุดไม่เกิน 800 มก./วัน ในขณะที่ผู้หญิงต้องการเพียงแค่ 6.5 มก. และสูงสุดไม่เกิน 600 มก. เท่านั้น
สำหรับใครที่กังวลว่าถ้าทานมากเกินไปจะมีผลข้างเคียงไหม สบายใจได้ค่ะ เพราะโดยปกติแล้วร่างกายสามารถขับวิตามินอีส่วนเกินออกมาได้เองอยู่แล้ว แต่ทางที่ดีเพื่อช่วยให้อวัยวะภายในไม่ต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น ขอแนะนำให้ทานอย่างพอเหมาะดีที่สุดค่ะ

แน่นอนว่าอาหารเสริมไม่ใช่ยา ไม่มีทางที่จะเห็นผลทันตาเห็นหลังจากทานเสร็จ แต่ต้องทานอย่างต่อเนื่องสักระยะหนึ่งถึงจะเห็นความแตกต่าง ดังนั้น ลักษณะของเม็ดอาหารเสริม ปริมาณและราคาจึงมีความสำคัญที่เราต้องพิจารณาในการเลือกซื้อด้วย

อาหารเสริมมีหลายลักษณะ แต่ที่เห็นกันส่วนใหญ่จะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ เม็ด Granule (ยาเม็ดกลมเล็กๆ), แบบเม็ดยา Tablet, แบบแคปซูล และแบบผงชงดื่ม ซึ่ง 3 แบบแรกจะมีขนาดที่แตกต่างกันออกไปอีก ส่งผลต่อความยากง่ายในการทาน ก่อนจะซื้อจึงอย่าลืมเช็คจุดนี้ด้วยนะคะ เพื่อเลือกขนาดที่ทานง่ายสำหรับตัวเอง จะได้ไม่รู้สึกลำบากใจทุกครั้งที่ต้องทาน ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นขี้เกียจทานหรือทานน้อยลงก็ได้

การซื้อของพรีเมียมราคาแพงอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เพราะจากที่ได้อธิบายไปข้างต้นว่า การทานอาหารเสริมจำเป็นต้องใช้เวลาถึงจะเห็นผล ดังนั้น จึงควรซื้อยี่ห้อที่มีราคาสมเหตุสมผลและอยู่ในงบประมาณที่คุณจะสามารถซื้อทานได้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อประสิทธิภาพที่คุ้มค่าและเพื่อไม่ให้กระทบกับกระเป๋าเงินของคุณเองด้วย

วิตามินอีมีคุณสมบัติเป็นสาร Anti-Oxidant หรือสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายด้วยการเพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ เพื่อยืดอายุการทำงานของเซลล์ในร่างกาย เช่นเดียวกับวิตามินเอและซี ซึ่งตามปกติแล้ววิตามินอีสามารถทำงานได้อย่างจำกัด เมื่อทำปฏิกิริยากับออกซิเจนแล้วจะไม่สามารถทำซ้ำได้อีก จึงต้องพึ่งพลังของวิตามินซีเสริมเพื่อเข้าไปช่วยฟื้นฟูให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ ดังนั้น เราขอแนะนำให้เลือกซื้ออาหารเสริมที่ผสมวิตามินซีด้วยจะได้ประสิทธิภาพที่แน่นอนกว่าค่ะ

นอกจากนี้ อาหารเสริมวิตามินอีหลายตัวยังมีส่วนผสมของสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อจึงขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพที่คุณกังวลอยู่ด้วยว่าต้องการเสริมในเรื่องอะไร โดยที่ก่อนซื้อคุณสามารถตรวจสอบส่วนผสมบนบรรจุภัณฑ์ก่อนได้ค่ะ

ตอนนี้เราก็มีข้อมูลความรู้วิธีการเลือกซื้อกันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจกันบ้างดีกว่าค่ะ มาดูกันว่ายี่ห้อไหน สูตรไหนที่น่าซื้อกันบ้าง แต่อย่าลืมนะคะว่า เลือกโดยใช้ความต้องการของสุขภาพตนเองเป็นที่ตั้งมากกว่าการยึดติดกับอันดับอย่างเดียวนะคะ

อาหารเสริมวิตามินอีแบบ Dl-Alpha ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก United States Pharmacopeia (USP) ว่ามีคุณภาพสูงโดยผ่านกระบวนการผลิตที่พิถิพิถัน ปราศจากยีสต์, กลูเตน, การแต่งสีและรส มีขนาดเม็ดยาที่เล็กพอเหมาะที่ช่วยให้กลืนง่าย มาพร้อมคุณสมบัติของวิตามินอีที่จะช่วยยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ หลายคนที่ทานพบว่าช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูสดใสและช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนให้เป็นปกติ ไม่น่าแปลกใจที่ยี่ห้อนี้จะกลายยี่ห้อที่เหล่าเภสัชกรแนะนำให้ทานกัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ

มาต่อกันที่สูตรนี้ โดดเด่นด้วยจำนวนเม็ดที่เยอะ ซื้อครั้งเดียวสามารถทานได้หลายเดือน เป็นวิตามินอีแบบ Dl-Alpha Tocopherol ชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกาย มีคุณประโยชน์ในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง โดยปราศจากส่วนผสมของยีสต์, กลูเตน, สารกันบูด, การแต่งสีและรส จึงค่อนข้างมีความปลอดภัยสูง แถมยังได้รับการรับรองจาก United States Pharmacopeia (USP) อีกด้วย และแม้ว่าจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเฉลี่ยราคาต่อเม็ดและคุณภาพแล้วถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว ใครที่อยากลงทุนครั้งเดียวแล้วทานได้นาน ๆ แนะนำเลยค่ะ

วิตามินอีธรรมชาติในรูปแบบ d-Alpha Tocopheryl Acetate จากยี่ห้อที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดไขมันไม่อิ่มตัวที่ไม่ดี ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายและป้องกันการเสื่อมเร็วของเซลล์ร่างกาย ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เหมาะกับคนที่ต้องเผชิญมลภาวะต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ เช่น ฝุ่นละออง การทานอาหารที่มีสารกันบูด หรือแม้แต่ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย หลายคนที่ทานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำพบว่าสุขภาพผิวดีขึ้น มีความชุ่มชื้น ไม่แห้งง่ายด้วยค่ะ

สำหรับอาหารเสริมวิตามินอีขวดนี้เป็นแบบวิตามินอีเพียว ๆ ไม่มีวิตามินอื่น ๆ แต่เสริมด้วยน้ำมันถั่วเหลืองแทนที่สามารถช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและฟื้นฟูสุขภาพผิว ปราศจากสิ่งเจือปนต่าง ๆ ที่อาจลดทอนประสิทธิภาพของวิตามินหรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ได้แก่ สีสังเคราะห์, น้ำตาล, แป้ง, นม, แลคโตส, กลูเตน, ยีสต์, ปลา, โซเดียม และสารกันบูด โดยผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัยและมีมาตรฐาน เมื่อทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องพบว่าสุขภาพร่างกายและผิวพรรณดีขึ้น ทั้งยังเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแรงขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อเทียบปริมาณกับราคาแล้วถือว่าน่าสนใจมากเลยค่ะ

Gamma Tocopherol เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินอีที่มีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ ช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกายจึงทำให้อาการบวมน้ำลดลง พร้อมช่วยขยายหลอดเลือด ลดอาการเส้นเลือดขอด และบรรเทาอาการปวดเมื่อย โดยอาหารเสริมตัวนี้ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองและอีฟนิ่งพริมโรส นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียนและมีสุขภาพดีขึ้น สำหรับยี่ห้อนี้มีจุดเด่นอยู่ที่แพ็กเกจแบบซองซิปล็อก ช่วยให้พกพาสะดวกและเก็บรักษาง่าย

นอกจากจะมีสกินแคร์น่าใช้แล้ว แบรนด์นี้เขาก็มีอาหารเสริมมาให้เราเลือกซื้อกันด้วย โดยสูตรนี้เป็นวิตามินอีแบบ Tocotrienol ที่ผสมผสานด้วยคุณค่าของสารสกัดจากมะเขือเทศ มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV ชะลอริ้วรอย บำรุงผิวให้เปล่งปลั่งและสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ คุณผู้ชายก็สามารถทานได้ เพราะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วยค่ะ หลังจากทานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำพบว่าสุขภาพผิวดีขึ้น ทั้งเรียบเนียนและไม่คล้ำเสียง่าย

อาหารเสริมวิตามินอีอีกแบรนด์ที่น่าสนใจไม่แพ้ยี่ห้ออื่น ๆ เลยค่ะ โดดเด่นด้วยสารสกัดจากวัตถุดิบที่ NON-GMO หรือไม่ถูกตัดแต่งพันธุกรรม โดยใช้วิตามินอีจากธรรมชาติทำให้มีความปลอดภัยสูง ทั้งยังปราศจากสารเติมแต่งต่างที่อาจลดทอนประสิทธิภาพของวิตามินหรือเป็นอันตรายกับสุขภาพ จึงมีคุณสมบัติที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานร่างกายได้ดีและช่วยยืดอายุการทำงานของเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ ยังไม่มีส่วนผสมของโซเดียมที่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำอีกด้วย

มองแวบแรกหลายคนอาจจะไม่คิดว่ามีวิตามินอีด้วยซ้ำ แต่ถ้าอ่านรายละเอียดดี ๆ จะเห็นว่าสูตรนี้ผสมวิตามินอีอยู่ด้วย โดยมีส่วนผสมหลักจากสารสกัดจากมะเขือเทศ (ให้ไลโคปีน 6 มก.) จุดเด่นของตัวนี้ คือ ช่วยปริมาณคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายและยังช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV อีกด้วย เสริมด้วยสารเบต้าแคโรทีนที่มีคุณสมบัติในการบำรุงระบบประสาทตา ทั้งยังช่วยลดอาการเสี่ยงความเสื่อมของเซลล์ลูกตาอีกด้วย

สูตรนี้เป็นวิตามินอีแบบธรรมชาติ D-Alpha Tocopheryl Acetate เมื่อทานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำจะช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้น มีความชุ่มชื้นจึงทำให้ริ้วรอยขึ้นช้าลง และยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ให้มีอายุยืนยาวขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังช่วยบำรุงส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตับ ระบบสืบพันธุ์ เซลล์ประสาท กล้ามเนื้อหรือไขกระดูก ทำให้ระบบร่างกายสมดุลและแข็งแรงขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาแล้ว เฉลี่ยต่อเม็ดถือว่าถูกมากเลยค่ะ

มาถึงอันดับที่ 1 ของเราที่จะยกให้ใครไปไม่ได้นอกจากตัวนี้เลย วิตามินอีแบบ D-α-tocopherol ที่สกัดมาจากถั่วเหลืองโดยผ่านเทคนิคเฉพาะของ DHC ทำให้ดูดซึมง่ายกว่าอาหารเสริมวิตามินอีจากยี่ห้อทั่ว ๆ ไป เมื่อทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องสัมผัสได้ว่าผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้น ริ้วรอยเกิดใหม่ช้าลง ฝ้า กระและจุดด่างดำจางเร็ว และยังช่วยยับยั้งการอักเสบของผิว ขณะเดียวกันก็ช่วยบำรุงร่างกายให้กลับมามีสุขภาพแข็งแรงด้วยการเสริมความแข็งแรงของภูมิต้านทาน พร้อมช่วยป้องกันเลือดแข็งตัว หลายคนที่ทานจริงต่างคอนเฟิร์มในคุณภาพค่ะ

จบกันไปแล้วกับบทความดีเพื่อสุขภาพของผู้อ่านในวันนี้ หวังว่าผู้รักสุขภาพทุกคนจะมีแนวทางในการเลือกซื้ออาหารเสริมวิตามินอีกันได้ง่ายมากขึ้น หรือตอนนี้อาจจะมีสักยี่ห้อไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว เตือนกันสักนิดว่าก่อนจะซื้อ ต้องอย่าลืมตรวจสอบร้านค้าอีกทีด้วยนะคะเพื่อความมั่นใจในสินค้าและประสิทธิภาพ เพราะในปัจจุบันมีอาหารเสริมที่ไม่ได้มาตรฐานออกมาจำหน่ายอยู่บ้าง ส่วนใครที่ยังเลือกไม่ได้ ก็ลองทบทวนวิธีการเลือกซื้ออีกครั้งหนึ่งและอ่านรีวิวอย่างถี่ถ้วนอีกที รับรองว่าคุณจะเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นแน่นอนค่ะ

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะจบบทความนี้ขอเสริมอีกนิดว่า “อาหารเสริมไม่ใช่ยา” ดังนั้นจึงรักษาโรคไม่ได้ ทำได้เพียงช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายของคุณได้สารอาหารครบตามที่ควรจะเป็นเท่านั้น ถ้าใครต้องการวิตามินไปช่วยเรื่องอาการเจ็บป่วยล่ะก็ เราแนะนำให้เข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะปลอดภัยกว่าค่ะ